หน้าแรก เว็บบอร์ด


สั่งพิมพ์

"พาวเวอร์ แพท" เผยชีวิตหลังกรงขัง กับความหวัง ว่าสักวันต้องได้ออกมากอด

"พาวเวอร์ แพท" เผยชีวิตหลังกรงขัง กับความหวัง ว่าสักวันต้องได้ออกมากอดพ่อ

"แพท พาวเวอร์แพท" เสียใจ ศาลอุทธรณ์ไม่ลดโทษ ต้องติดคุก 50 ปีเท่าเดิม บอกไม่ท้อเตรียมยื่นฎีกาขอลดโทษแล้ว เปิดใจ กว่า 4 ปีที่ถูกจองจำทำให้ได้เรียนรู้ชีวิตจนแตกฉาน ยกเป็นมหา’ลัยชีวิต เผย กำลังจะจบป.ตรี จาก มสธ.เดือน ต.ค.นี้ ตัดพ้อ แอบรันทดตัวเองที่ทำได้แค่บอกรักพ่อผ่านกรงขัง ไม่มีสิทธิกอดแสดงความรัก ก่อนตั้งปณิธานจะหมั่นทำความดี เชื่อ ตนคงไม่จบชีวิตในคุกอย่างแน่นอน
      
       คงยังจำกันได้สำหรับข่าวคราวของ "พาวเวอร์ แพท" หรือ "แพท วรยศ บุญทองนุ่ม" อดีตนักร้องอนาคตไกลค่ายแกรมมี่ หลังจากที่เจ้าตัวโดนตำรวจจับกุมในข้อหา "ค้ายาเสพติด" เมื่อช่วงกลางปี’47 ที่ผ่านมา จนถูกศาลตัดสินสั่งจำคุก 50 ปี ปรับเป็นเงินอีก 1 ล้านบาท และถูกนำไปจองจำไว้ที่เรือนจำบางขวาง จ.นนทบุรี เวลาผ่านไปกว่า 4 ปี ความคืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า ตามที่ทนายได้มีการยื่นอุทธรณ์ขอลดโทษไปนั้น ศาลได้มีคำตัดสินออกมาแล้ว โดยให้ยืนตามศาลชั้นต้น นั่นหมายความว่าโทษของแพทยังสูงที่ 50 ปีเท่าเดิม
      
      
       และต้องบอกว่าภาพที่เห็นตรงหน้านั้น แทบไม่น่าเชื่อว่านี่คือนักโทษที่ติดคุกมานานหลายปี เพราะสภาพร่างกายรวมไปถึงรูปร่างหน้าตานั้นดูแข็งแรงแจ่มใส หน้าตาสะอาดสะอ้านผิดจากภาพนักโทษที่คิดไว้ถนัดตา เหนือสิ่งอื่นใดแพทมีกำลังใจดีมาก ดูเข้มแข็งและเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก โดยแพทบอกว่า สภาพจิตใจดีขึ้นเพราะปรับตัวได้แล้ว การได้มาอยู่ข้างใน ถ้าคิดในมุมดีมันก็ทำให้ได้เรียนรู้ชีวิตหลากหลายแง่มุม แถมยังได้เรียนหนังสืออีกด้วย ส่วนในเรื่องของคดีเจ้าตัวยอมรับว่า รู้สึกผิดหวังที่ไม่ได้ลดโทษเลยแม้แต่ปีเดียว
      
      
“คำตัดสินก็ยืนตามศาลชั้นต้น คือ 50 ปี ปรับ 1 ล้านบาท ก็เสียใจนิดหน่อย แต่ทำใจไว้แล้ว เพียงแต่เราแอบมีความหวัง ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว ก็ต้องปล่อยชีวิตตามที่มันจะเป็นไป ตอนนี้ยื่นฎีกาขอลดโทษไปแล้ว ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เพราะไม่มีระยะเวลาแน่นอนตายตัว อย่างเพื่อนผมบางคนรอแค่ปีเดียว บางคน 3 ปี มันไม่แน่ครับ ตอนนี้ผมก็ศึกษากฎหมายในการส่งสำนวนฟ้องอยู่ ที่โทษสูงเพราะเค้าแยกฟ้อง ทั้งของที่มีอยู่บนห้องและที่จับคามือข้างล่าง มันต่างกรรมต่างวาระ ไม่ได้ฟ้องชุดเดียวกัน โทษก็เลยถีบกันไปสองเท่า มันก็เลยลำบากหน่อย ทนายเป็นคนจัดการ คือเอาข้อเท็จจริงมาแย้งให้ศาลเห็นข้อเท็จจริง มันมีอยู่หลายจุดที่คำให้การของเราไม่มีน้ำหนัก ทนายจะเอาตรงนั้นมาตีความแล้วส่งฟ้อง มันเป็นการกระทำผิดครั้งแรกด้วย แต่มันไม่ใช่อาชีพผม...”
      

       “เรื่องคดีพยายามไม่คิด เพราะถ้าคิดไปก็หาบทสรุปเองไม่ได้ เหมือนพายเรืออยู่ในอ่าง ปล่อยให้มันเป็นไปตามขั้นตอนที่มันจะเป็น พยายามตัดเรื่องข้างนอกให้หมด และทำเวลาที่อยู่ข้างในให้ดีที่สุด มีประโยชน์ที่สุดดีกว่า อย่างเรียน งานดนตรี ซ้อมกีต้าร์ ผมพยายามจะศึกษาให้มากกว่าตอนก่อนเข้ามา ตอนนี้ก็ติดต่อกับเพื่อนที่เคยเล่นกีต้าร์ด้วยกัน ให้เค้าหาสื่อการสอนมาให้ เอาไว้สอนเพื่อนๆ ในนี้ นี่ก็เพิ่งมีเพื่อนใหม่มาให้สอนเพิ่มอีกหนึ่งคน ไม่รู้จะถอดใจก่อนรึเปล่า เพราะส่วนมากจะเป็นอย่างนั้น มันยาก ต้องมุ่งมั่นและตั้งใจฝึกฝนจริงๆ”
      
       “ผมใช้เวลาอยู่กับกีต้าร์วันละ 5-7 ชั่วโมง ถ้าอนุญาตให้เอาขึ้นไปห้องนอนได้ ผมคงซ้อมเยอะกว่านี้ (ยิ้ม) รู้สึกว่าตัวเองกลับมาไฟแรงเหมือนตอนอายุ 14-15 แต่ไม่ได้หวังสูงขนาดที่ว่าต้องเป็นเกจินะครับ แค่อยากจะเป็นนักดนตรีที่สามารถถ่ายทอดให้ตรงจุด เพื่อให้คนที่ฟังเราเล่นยอมรับว่าเราเล่นกีตาร์ได้ดี ผมหวังตรงนี้มากกว่า จริงๆ ผมรักการเล่นดนตรีมากกว่าการร้องตั้งแต่ก่อนเป็นนักร้อง เพราะอยู่กับการเล่นดนตรีตั้งแต่อายุ 15 รู้สึกโชคดีที่ได้อยู่กับดนตรีกับศิลปะ มันทำให้ผมมีชีวิตในนี้อย่างไม่เครียด เวลาที่เล่นดนตรีมันทำให้ลืมความทุกข์ ลืมความท้อแท้ในโชคชะตาที่เราเป็นอยู่”
      
       “กำลังใจส่วนใหญ่มาจากตัวเองก่อน ต้องสร้างกำลังใจให้ตัวเองก่อน รองลงมาคือครอบครัว พี่ๆ เพื่อนๆ ผมมีความเชื่ออยู่ว่าจะอยู่ในนี้ไม่นาน มันคงเป็นเพียงช่วงชีวิตนึงที่ต้องเข้ามาอยู่ในนี้ ให้ผมได้ศึกษาเรียนรู้ชีวิตเพื่อออกไปใช้ชีวิตข้างนอก เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของตัวเอง พยายามมองว่าเป็นโอกาสที่ดี สอนวิธีคิด ทำให้ได้เรียนหนังสือ ได้ความรู้ได้ฝึกวาดรูปได้ซ้อมดนตรีจริงๆ จังๆ เพราะคิดอีกมุมถ้าอยู่ข้างนอกผมอาจจะไม่ได้ทำอะไรแบบนี้ก็ได้”
      
       “ได้ในเรื่องการปรับตัว ได้เรียนรู้คนหลากหลายสถานะ แตกต่างที่มา หลายสังคม ได้เรียนรู้จากผู้คนข้างใน ทำให้ผมมองชีวิตแตกฉานขึ้นเยอะเลย ที่สำคัญได้เล่นดนตรี เพราะถ้าอยู่ข้างนอกคงไม่มีเวลามากขนาดนี้ พยายามมองเรื่องทั้งหมดเป็นโอกาส อยู่ในนี้มา 4 ปีกว่า ไม่ได้อยู่อย่างทุรนทุราย ไม่ได้รู้สึกว่ามันยาวนาน กลับรู้สึกว่าวันๆ มันสั้นไปด้วยซ้ำ เพราะมีกิจกรรมให้ทำเยอะ วันๆ ไม่ได้ผ่านไปแบบทรมาน ตอนนี้ชีวิตโอเค สบายดี แต่ไม่ต้องเข้ามานะ (หัวเราะ)”

เผย แอบรันทดใจที่ไม่สามารถกอดพ่อได้ แต่ก็จะบอกรักผ่านกรงขังทุกครั้งที่เจอกัน สุดห่วงเพราะพ่อก็อายุมากขึ้นทุกวัน ส่วนแม่ก็ป่วยมีโรคประจำตัว พร้อมบอก ถูกสอนให้อยู่กับความจริง ฉะนั้นถ้าไม้ได้รับการลดโทษ และต้องอยู่ในคุกตลอดชีวิตก็ต้องยอมรับและอยู่ให้ได้
      
       “พ่อมาเยี่ยมทุกวันอังคาร ส่วนวันอื่นๆ ก็จะวนๆ เวียนๆ กันมา แม่ก็จะมาได้เดือนละครั้งสองครั้ง เพราะต้องขายของและมีโรคประจำตัวด้วย ได้กอดพ่อครั้งสุดท้ายวันที่ 13 พ.ค. ตอนไปฟังผลอุทธรณ์ คือตอนนั้นยังไม่ทันคิดอะไร เพราะเพิ่งฟังคำพิพากษาเสร็จ กำลังจะลงไปห้องฝากขังด้านล่าง แล้วพ่อเค้าก็ขอกับผู้คุมว่า ขอผมกอดลูกชายหน่อย ตอนแรกผู้คุมลังเลนิดนึง เพราะมันเคยมีเรื่องซุกซ่อนยาใส่กระเป๋าเข้ามาข้างใน เค้าก็เลยไม่อยากอนุญาต แต่สุดท้ายก็ให้กอด พ่อเค้าก็บอกว่าไม่ต้องคิดมากนะ พ่อรักลูกนะ เค้าก็กอดเรา วันนั้นไม่ได้ร้องไห้ แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อนอาจจะมีบ้าง”
      
       “พ่อบอกรักทุกครั้งที่เจอกัน กับแม่ก็เหมือนกัน เราบอกรักกันทุกครั้งที่พ่อมาเยี่ยม เมื่อก่อนจะเก็บความรู้สึก อาจจะเพราะเขิน เป็นผู้ชายด้วย แต่ตอนนี้ไม่เก็บแล้ว โอกาสแบบนี้วันนึงถ้าเสียไป จะเรียกร้องให้มันหวนคืนมาไม่ได้แล้ว และผมคงจะเสียใจมาก ตั้งแต่โตมาไม่ค่อยสนิทกับพ่อ เพิ่งจะมาสนิทกันเมื่อ 4 ปีกว่า ที่ผ่านมา หลังจากผมเข้ามาอยู่ในนี้ ทำให้เข้าใจพ่อมากขึ้น ตอนเด็กๆ เวลาที่พ่อสอนอะไรจะไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่เค้าพูดหรอก ไม่ใส่ใจบ้าง แต่พอเราโต คำสอนที่พ่อบอกมันใช่หมดเลย”
      
       “ห่วงเค้ามากแต่ไม่รู้จะทำยังไงดี มันต้องตัด หลายคนในนี้เขาตัดไม่ได้ มีความวิตกกังวล ไม่มีความสุขครุ่นคิดจนเป็นโรคจิต ที่ต้องตัดเพราะเราทำอะไรไม่ได้ ยิ่งถ้ามัวแต่วิตกเราก็จะอยู่อย่างทรมานทุกข์ใจ พลอยทำให้คนที่อยู่ข้างนอกเป็นห่วงไปอีก ผมเลยเลือกที่จะตัดและอยู่กับความจริง ความจริงที่เราทำอะไรเพื่อเค้าไม่ได้ มีอย่างเดียวคือทำให้พ่อสบายใจ เราอยู่ได้ไม่ต้องเป็นห่วง”
      
       “เค้าพูดตลอดว่า ถ้าผมไม่ได้ลดโทษ กว่าจะได้ออกไปเค้าคงไม่อยู่แล้ว นี่คือนิสัยเค้า ให้อยู่กับความจริง เค้าสอนให้อยู่กับความจริง อย่างเรื่องความรัก ถ้าเกิดมีความรักในนี้นี่หมดสิ้นเลย เราไม่สามารถดูแลเค้าได้ เพราะฉะนั้นอย่าเห็นแก่ตัว มันไม่มีความเป็นไปได้ มองไม่เห็นจุดจบ พ่อจะบอกตลอดว่าอย่าหาเรื่องยุ่งยากให้ตัวเองอีก พูดตรงมาก แทบไม่รักษาน้ำใจกันเลย เหตุผลก็เพราะอยากเตือนสติเรา ไม่อยากให้ทุกข์เพราะรักอีก ซึ่งผมก็เข้าใจดี แต่ถ้าวันนั้นมาถึง วันที่ไม่มีเค้าแล้ว ผมก็ต้องอยู่ให้ได้ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ถึงเวลาที่ต้องดูแลตัวเอง แต่เรื่องของใจเรื่องความรู้สึกภายในเป็นอีกเรื่องนึงนะครับ ยังไงต้องพาตัวเองดำเนินชีวิตให้ได้และให้ดี ต้องอยู่กับความจริง”
      
       “แต่ถ้าต้องอยู่ในนี้ตลอดชีวิต ก็ต้องทำใจยอมรับมันให้ได้ แต่ลึกๆ มีความเชื่อว่าตัวเองคงไม่จบชีวิตในนี้แน่นอน คงมีเหตุให้ได้ลดโทษบ้างถ้าเราทำตัวดี แต่ถ้าต้องอยู่ตลอดชีวิตจริงๆ ก็ต้องอยู่ให้ได้ แต่ความรู้สึกที่มันติดอยู่ในใจผมตลอดก็คือ บั้นปลายชีวิต ผมคงไม่จบชีวิตอยู่ในนี้แน่”
      
       “ถ้าพ้นโทษออกไปอยากทำหลายอย่างมาก จินตนาการที่คิดไว้มีเยอะมาก อยากกลับไปทำงานเพลงเล่นดนตรี แต่งเพลงเขียนเพลง เพราะมันคือตัวตนของผม ส่วนเรื่องครอบครัวไม่อยากคิดอะไรไว้ไกล เพราะไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น แต่ที่แน่ๆ ผมต้องใช้ชีวิตให้ดีกว่าก่อนที่ผมตกลงมาอย่างแน่นอน ผมยึดถือความเชื่อนั้นมาตลอด ติดคุกครั้งเดียวก็เกินพอแล้วครับ”
      
       “แพทในวันก่อนกับวันนี้ โดยพื้นฐานก็ยังเป็นแพทคนเดิมนะครับ เพียงแต่โตขึ้น รอบคอบขึ้น เข้าใจชีวิตมากขึ้น เห็นใจคนอื่นมากขึ้น ต้องติดอยู่ในนี้ ทำได้มากที่สุดคือบอกรักพ่อบอกรักครอบครัวผ่านลูกกรง แรกๆ ก็รู้สึกรันทด เพราะไม่ได้ใกล้ชิดไม่ได้สัมผัส แต่ต้องปลงให้ได้ครับ ต้องรับสภาพให้ได้ เพราะจริงๆ ความรู้สึกเราสามารถสื่อถึงกันได้ สามารถรับรู้ได้ แต่ถามว่าอยากกอดพ่อมั้ย มันเป็นธรรมดาที่อยากกอดเค้า อยากออกไปกอด เพื่อแสดงออกว่ารักเค้า...”
ไฟลล์แนบ: ระดับของกลุ่มสมาชิกนี้ไม่สามารถมองเห็นไฟลล์แนบได้

TOP

คนเรา- -*....

- -*เวรกำ......

TOP

บทเรียน

บทเรียนที่ใครทำผิด ต้องได้รับโทษ ดูไว้เป็นตัวอย่าง..

TOP

กิ๊ฟตราด

เป็นกำลังให้ว่ะ แพท ออกมาเป้นคนดี ไม่ว่า แต่อย่าวิชาในคุกมาอีกก็แล้วกัน

TOP

ออกเร็วๆๆนะ

TOP

ปปป

เป็นกำลังใจให้นะ  สู้ต่อไป

TOP

เวนกำตามทัน

สมน้ำหน้าอั้ยบ้าเอ๋ย

TOP

ไม่น่าเลย แพท เป็นกำลังใจให้เหมือนกันนะ

TOP

เลิกอ้วน - ลดโรคค่ะ wow.better.ws

เลิกอ้วน - ลดโรคค่ะ  wow.better.ws--->ที่นี่มีที่ปรึกษาหน้าตาดี อัธยาศัยเยี่ยมยอด  ดูเเลคุณให้ลดน้ำหนักอย่างสุขใจ ปลอดภัย ได้ผลลัพธ์--> เปลี่ยนแปลงตัวเอง....ก่อนสายเกินแก้--->  เเล้วคุณจะเป็นปลื้มในผลลัพธ์ ประทับใจในการดูเเล

TOP

เสียดาย

สายเกินไปแล้ว แพทชีวิตนายเลือกทางที่ผิด เป็นบทเรียนสำหรับน้องๆๆเยาวชน
จึงเรียนรู้จากบทเรียนของแพท น้องๆๆจึงเลือกเดินอีกทางหนึ่งที่ดีกว่านะครับ

TOP