ข่าวไอที » Apple เปิดตัว iPhone Xs iPhone Xs Max และ iPhone Xr

Apple เปิดตัว iPhone Xs iPhone Xs Max และ iPhone Xr

14 กันยายน 2018
1889   0

 

การเปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่ประจำปี 2018 สะท้อนตัวตนแอปเปิล (Apple) ที่เปลี่ยนไป ภาพการต่อต้านสมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่แต่จำใจผลิตเพื่อเอาใจตลาดนั้นไม่มีอีกต่อไปแล้ว ขณะที่สินค้าอื่นอย่างนาฬิกา Apple Watch ก็มีการเปลี่ยนจุดยืน กลายเป็นสินค้าแมสสำหรับตลาดวงกว้างที่ขยับเข้าใกล้พื้นที่อุปกรณ์ด้านการแพทย์เข้าไปทุกที

สำหรับจุดยืนเรื่องของราคา การตั้งราคา iPhone รุ่นท็อปที่สูงกว่าเดิมแตะระดับ 5 หมื่นบาทนั้นสะท้อนว่า Apple ไม่แคร์ใคร ความมั่นใจนี้เกิดขึ้นบนการยอมตามใจตลาดในประเทศจีน อย่างการเพิ่มคุณสมบัติรองรับ 2 ซิม ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ Apple โกยยอดขายในตลาดจีนได้มากขึ้นอีก

*** ยินดีผลิตจอใหญ่ ซิมคู่

Apple เปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ประจำปี 2018 ในชื่อ iPhone XS, XS Max และ XR ทั้งหมดเป็นสมาร์ทโฟนจอใหญ่ที่อยู่ในกลุ่ม PHABLET เต็มรูปแบบ โดยขณะนี้ iPhone XS Max ครองแชมป์หน้าจอใหญ่ที่สุดของกลุ่ม 6.5 นิ้ว ในขนาดตัวเครื่องเท่ากับรุ่น iPhone 8 Plus ซึ่งเคยวางตลาดก่อนหน้านี้แต่มีหน้าจอ 5.5 นิ้ว


สำหรับ iPhone XS มีขนาด 5.8 นิ้ว กลายเป็นขนาดมาตรฐานของ iPhone หลักเจเนอเรชันต่อไป แสดงว่าวันนี้ Apple ทิ้งความเชื่อของตัวเอง แล้วยอมรับพฤติกรรมการใช้งานสมาร์ทโฟนของผู้บริโภคในปัจจุบันที่ต้องการสมาร์ทโฟนจอแสดงผลใหญ่ขึ้น เพื่อนำมาใช้ในการเล่นเกม หรือใช้ดูหนัง ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์มากยิ่งขึ้น

แม้แต่รุ่นประหยัดอย่าง iPhone XR ที่ออกแบบมาเพื่อดึงดูดลูกค้ามากขึ้น ก็ยังใช้หน้าจอขนาด 6.1 นิ้ว แม้ว่าจะไม่ได้ใช้เทคโนโลยีเดียวกับ iPhone X แต่ก็เป็นการนำจอ LCD มาทำใหม่ให้เต็มพื้นที่หน้าจอมากขึ้น ทั้งหมดนี้ตอกย้ำว่าแนวคิดของ Apple ยุคแรกที่เชื่อมั่นในสมาร์ทโฟน 4 นิ้วนั้นเลือนหายไปแล้ว

ยังมีประเด็นซิมคู่ ซึ่ง Apple เสนอฟีเจอร์ eSIM และ Dual SIM เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ลูกค้าที่มี 2 ซิม 2 หมายเลขสามารถใช้ iPhone ใหม่ได้สะดวก เช่นเดียวกับนักเดินทางที่อาจจำเป็นต้องซื้อซิมเพิ่ม เบื้องต้นรายงานระบุว่า eSIM ใน iPhone จะเริ่มได้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงทั่วโลก ขณะที่ในประเทศจีนจะมีรุ่นที่เป็น Dual SIM วางจำหน่าย

ทั้งหมดนี้เชื่อว่า iPhone จะถูกใจทุกคนที่ต้องการสลับเครือข่ายของโอเปอเรเตอร์ผู้ให้บริการ ถือเป็นจุดจบของภาพสมาร์ทโฟนซิมเดียวของ iPhone ในที่สุด

*** แพงกว่าคู่แข่ง

การตั้งราคาของ iPhone XS Max บดบังราคา 1,249 เหรียญของรุ่น Samsung Galaxy Note 9 ตัวท็อปสุด 512 GB แบบกลบมิด โดย iPhone XS Max รุ่นแพงสุดราคาขยับขึ้นไปอยู่ที่ 1,449 เหรียญจากปีก่อนหน้าที่ iPhone X รุ่นแพงสุดอยู่ที่ 1,149 เหรียญ

พูดอีกนัยหนึ่งคือด้วยเงิน 1,249 เหรียญเท่ากัน สาวกกิมจิจะได้รับ Note 9 รุ่น 512 GB ขณะที่สาวกค่ายผลไม้จะได้รับเพียง iPhone XS Max รุ่น 256 GB เท่านั้น (เทียบราคาในสหรัฐฯ)


อย่างไรก็ตาม Apple ไม่ได้เพิ่มราคาลูกเดียว แต่หั่นราคาสำหรับรุ่นรองอย่าง iPhone XR ลงเหลือ 749 เหรียญเพื่อยั่วใจผู้ที่ชื่นชอบการออกแบบของ iPhone X เดิมบนงบประมาณที่ประหยัดกว่า เช่นเดียวกับ Apple Watch ที่เตรียมตัวบุกตลาดแมส บนดีกรีการเป็นอุปกรณ์การแพทย์ที่คลุมตลาดหลักได้สำเร็จ

*** Apple คือบริษัทอุปกรณ์การแพทย์

อีกจุดที่น่าสนใจคือการประกาศตัวของ Apple ว่ามีฐานะเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ เนื่องจากสินค้ากลุ่ม Apple Watch รุ่นใหม่มีการปรับปรุงความสามารถเพื่อการดูแลสุขภาพให้ดีขึ้น จุดเด่นคือความสามารถตรวจจับสภาวะหัวใจเต้นในรูปแบบที่ต่างไป ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ทำให้ Apple Watch Series 4 เข้าใกล้ระบบการรักษาในโรงพยาบาล


ความสำเร็จของ Apple Watch แสดงว่าอุปกรณ์กำลังมีอิทธิพลในตลาดแมส เรียกว่าเพียง 2-3 เจเนเรอชัน เจ้าพ่อไอโฟนก็สามารถสร้างแรงดันจนเกิดการใช้งานที่แพร่หลาย โดย Apple Watch Series 4 จะตอกย้ำว่า Apple Watch เป็นผู้นำในตลาดอุปกรณ์สุขภาพสวมใส่ได้หรือแวร์เอเบิล ซึ่งมีการยืนยันแล้วว่า Apple Watch จะถูกใช้ในองค์กรด้านสุขภาพอย่างเป็นทางการมากขึ้น

ส่วนผสมความสำเร็จของ Apple Watch ถูกมองว่าไม่ใช่เพราะเซ็นเซอร์คุณภาพสูงเพียงอย่างเดียว แต่จุดเด่นเรื่องความเป็นแฟชันของ Apple Watch ซึ่งตอบโจทย์การใช้งานจริง และมีแนวโน้มที่จะขยายกลุ่มผู้ใช้ได้อีกมาก

 


สำหรับนาฬิกา Apple Watch Series 4 ที่มีหน้าปัดที่ใหญ่ขึ้น 35% และ 32% ตามลำดับเป็นขนาด 40 มม. และ 44 มม. มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Apple S4 ที่ให้ประสิทธิภาพในการประมวลผลเร็วขึ้น 2 เท่าเพิ่ม Haptic ที่ Digital Crown มีการเพิ่มการบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiogram : ECG) มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติม

*** ชิปยังสำคัญต่อเนื่อง

แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงหลายส่วน แต่การเรียนรู้ของเครื่องและ AI ยังเป็นสิ่งสำคัญที่ Apple เน้นหนักต่อเนื่อง จุดนี้มีการชูหน่วยประมวลผลใหม่ Apple A12 Bionic ที่ให้ประสิทธิภาพดีขึ้นกว่ารุ่นก่อน ด้วยภาพการเป็นหน่วยประมวลผลที่นำสถาปัตยกรรม 7 นาโนเมตรมาใช้ และจะวางขายเป็นรุ่นแรกในโลก รวมถึงการเพิ่ม GPU ให้ประมวลผลเร็วขึ้น 50% NPU ที่มากับ 8 Core ช่วยให้ประมวลผลได้รวดเร็วขึ้นอีก

การนำระบบ NPU มาช่วยในการประมวลผลทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังเพื่อให้ได้ภาพที่สวยเก็บรายละเอียดได้ครบและสมจริงมากที่สุดโดยเฉพาะบนระบบ Smart HDR ที่จะช่วยถ่ายภาพแบบชดเชยแสง โดยส่วนของกล้องถ่ายภาพ iPhone รุ่นใหม่จะมาพร้อมกับกล้องคู่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล โดยเลนส์มุมกว้างจะมากับ f/1.8 ส่วนเลนส์เทเลยังใช้ f2.2 เช่นเดิมส่วนกล้องหน้ามากับกล้องความละเอียด 7 ล้านพิกเซลที่มาพร้อมเซ็นเซอร์ Face ID ในการปลดล็อกใบหน้า

นอกจากนี้ iPhone ใหม่ยังเพิ่มความพิเศษในการถ่ายภาพแบบ Portriat ที่เปิดให้ผู้ใช้สามารถปรับความเบลอของฉากหลังได้ตั้งแต่ f/1.4 เพื่อให้เกิดโบเก้ด้านหลังภาพไปจนถึง f/16 ที่จะให้ความคมชัดทั้งภาพ

 


สำหรับคุณสมบัติเครื่อง iPhone XS จะใช้งานได้นานกว่า iPhone X 30 นาทีส่วน iPhone XS Max ใช้งานได้นานกว่า 1.30 ชั่วโมงด้านการเชื่อมต่อรองรับเครือข่าย Gigabit LTE พร้อมรองรับการใช้งานแบบ Dual SIM โดยใช้งานคู่กับ eSIM ส่วนรุ่นจำหน่ายในประเทศจีนรองรับการใส่ใช้งาน 2 ซิม มีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่นคือขนาด 64 GB 256 GB และ 512 GB โดยจะมีการเพิ่มสีทองเข้ามาจากเดิมที่เป็น สีเงิน และสีเทาสเปซเกรย์

ราคาในสหรัฐฯจะเริ่มต้นที่ 999 เหรียญสำหรับ XS และ 1,099 เหรียญใน XS Max ไปจนถึง 1,449 เหรียญ

ถัดมาคือ iPhone XR มาพร้อมจอ LCD ขนาด 6.1 นิ้วที่ใช้กล้องหลังเป็นเลนส์เดียว หน่วยประมวลผลภายในคือ Apple A12 Bionic เช่นเดียวกับรุ่นอื่น โดยรุ่น iPhone XR จะมีให้เลือก 3 ความจุเช่นเดียวกันคือ 64 GB 128 GB และ 256 GB.