รอยเตอร์ – ผู้นำ คึม จองอึน แห่งเกาหลีเหนือได้เดินทางไปควบคุมการทดสอบอาวุธนำวิถีรุ่นใหม่ (tactical guided weapon) ซึ่งถือเป็นการทดสอบอาวุธแบบเปิดเผยครั้งแรกนับตั้งแต่การประชุมซัมมิตกับสหรัฐฯ ที่ฮานอยปิดฉากแบบไร้ข้อตกลงเมื่อเดือน ก.พ.
สำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือ (KCNA) เผยแพร่รายงานดังกล่าวในวันนี้ (18 เม.ย.) โดยไม่ระบุชัดเจนว่าอาวุธที่นำมาทดสอบนั้นเป็นจรวดมิสไซล์หรืออาวุธประเภทอื่น
อย่างไรก็ดี คำว่า ‘tactical’ นั้นมักถูกใช้กับอาวุธที่มีพิสัยเดินทางใกล้ มากกว่าขีปนาวุธพิสัยไกลซึ่งจะเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐฯ
KCNA ระบุว่า อาวุธชนิดนี้มี “โหมดการบินนำวิถีที่แปลกไม่เหมือนใคร” และสามารถติดตั้ง “หัวรบอันทรงพลัง” ได้ พร้อมอ้างถ้อยแถลงของผู้นำ คิม ที่ว่า “ความสำเร็จในการพัฒนาระบบอาวุธนี้สำคัญอย่างยิ่งต่อการเพิ่มพูนศักยภาพด้านการสู้รบแบบประจัญบาน”
คิม ดงยุบ ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารจากสถาบันตะวันออกไกลศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยคยุงนัมในกรุงโซล ชี้ว่า การที่สื่อโสมแดงบรรยายลักษณะการทดสอบว่า “มีหลายโหมดการยิง และเป้าหมายที่แตกต่างกันไป” น่าจะสื่อความว่าอาวุธชนิดนี้สามารถยิงได้จากทั้งพื้นดิน ทะเล และอากาศ
“เป็นไปได้สูงว่ามันคือขีปนาวุธร่อนพิสัยใกล้ที่สามารถดัดแปลงเป็นขีปนาวุธร่อนชนิดยิงจากพื้นดิน, อากาศสู่พื้นดิน, อากาศสู่เรือ, เรือสู่เรือ รวมถึงพื้นดินสู่พื้นดินได้” เขาตั้งข้อสังเกต
อาจารย์ คิม ระบุด้วยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นดูเหมือนจะเป็นการส่งสัญญาณเตือนสหรัฐฯ ว่าเกาหลีเหนือจะไม่ยอมก้มหัวให้กับมาตรการคว่ำบาตร และพร้อมเลือกทางเดินของตัวเอง ทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้พลเมืองและกองทัพรู้สึกเชื่อมั่นในความปลอดภัยที่รัฐมีให้
เมื่อเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว ผู้นำ คิม ก็ได้เดินทางไปชมการทดสอบอาวุธทางยุทธวิธีไม่ระบุประเภท ซึ่งอ้างว่าจะสามารถปกป้องเกาหลีเหนือได้ดุจ “กำแพงเหล็ก” และยังไม่แน่ชัดว่าเป็นอาวุธชนิดเดียวกันกับที่นำมาทดสอบในสัปดาห์นี้หรือไม่
ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า การทดสอบอาวุธเมื่อเดือน พ.ย. เป็นหนึ่งในแผนริเริ่มของ คิม ซึ่งต้องการปฏิรูปกองทัพเกาหลีเหนือจากที่เคยพึ่งกำลังพลเกือบ 1.3 ล้านนายไปสู่การครอบครองอาวุธไฮเทค
ผู้นำ คิม เคยประกาศไว้เมื่อเดือน เม.ย. ปีที่แล้วว่า เกาหลีเหนือจะหยุดทดสอบและยิงขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ICBM) เนื่องจากศักยภาพด้านนิวเคลียร์ได้รับการ “พิสูจน์ยืนยัน” แล้ว
“มันย้ำเตือนข้อเท็จจริงที่สำคัญอย่างหนึ่ง นั่นคือประธาน คิม จองอึน ไม่เคยให้สัญญาว่าจะเลิกทดสอบอาวุธทุกชนิดที่กองทัพของเขามีอยู่ เขารับปากเฉพาะอาวุธนิวเคลียร์และ ICBM ซึ่งอาจจะโจมตีแผ่นดินสหรัฐฯ ได้เท่านั้น” แฮร์ร์ คาเซียนิส จากศูนย์เพื่อผลประโยชน์แห่งชาติ (Center for the National Interest) ในกรุงวอชิงตัน ให้ความเห็น
เจ้าหน้าที่ผู้ไม่ประสงค์ออกนามเผยว่า กองบัญชาการภาคเหนือและกองบัญชาการทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ยังไม่พบการยิงขีปนาวุธจากเกาหลีเหนือ และอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม
ด้านเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวระบุว่า “เราได้รับรายงานแล้ว และยังไม่มีความเห็นเพิ่มเติม”
พันโท เดฟ อีสต์เบิร์น โฆษกกองทัพสหรัฐฯ ยืนยันว่ากระทรวงกลาโหมได้รับทราบรายงานแล้วเช่นกัน ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังไม่ตอบข้อซักถามของสื่อมวลชน
KCNA ระบุด้วยว่า ผู้นำ คิม ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมกองกำลังทางอากาศและต่อต้านอากาศยานของเกาหลีเหนือเมื่อวันอังคาร (16) และได้ชมการฝึกบิน ซึ่งผู้นำโสมแดงรู้สึก “พอใจอย่างยิ่ง” ต่อระดับความพร้อมรบ (combat readiness)
ศูนย์เพื่อยุทธศาสตร์และระหว่างประเทศศึกษา (CSIS) ซึ่งมีฐานที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ระบุในสัปดาห์นี้ว่า จากภาพถ่ายดาวเทียมบริเวณโรงงานนิวเคลียร์ยองบยอน (Yongbyon) เมื่อวันที่ 12 เม.ย. บ่งบอกว่าเกาหลีเหนืออาจเริ่มแปรสภาพวัสดุกัมมันตรังสีให้เป็นเชื้อเพลิงนิวเคลียร์
จอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์กวานนี้ (17) ว่า สหรัฐฯ “ต้องได้เห็นหลักฐานชัดเจนเสียก่อนว่าเกาหลีเหนือได้ตัดสินใจทางยุทธศาสตร์ที่จะละทิ้งอาวุธนิวเคลียร์จริงๆ” ก่อนที่การประชุมซัมมิตรอบ 3 ระหว่าง ทรัมป์ และ คิม จะเกิดขึ้นได้