กลุ่มสามมิตรก่อหวอด 30 ส.ส. แถลง 5 จุดยืนกดดันนายกฯ ยึดโผ ครม.เดิม ยัน “สุริยะ” ต้องคุมพลังงาน “อนุชา” ต้องได้ รมช.คลัง ขู่โผพลิกพร้อมแสดงจุดยืนใหม่ “สิระ” จ่อยื่นญัตติขับไล่ “สนธิรัตน์” พ้นเลขาฯ พรุ่งนี้ ฐานไร้ภาวะผู้นำ-ทำพรรคแตกแยก
วันนี้ (1 ก.ค.) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท ได้เชิญ ส.ส.สังกัดกลุ่มสามมิตรเข้าหารือ หลังมีกระแสข่าวว่านายอนุชาอาจจะไม่ได้รับการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี และนายสุริยะอาจไม่ได้เป็น รมว.พลังงาน ตามที่มีกระแสข่าวไปก่อนหน้านี้
โดยนายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า พวกเรา ส.ส.พรรคพลังประชารัฐกว่า 30 คน ในนามของกลุ่มสามมิตรตั้งใจเดินทางมาแสดงความยินดีกับว่าที่รัฐมนตรี 3 คน คือ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ได้รับตำแหน่ง รมว.พลังงาน, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ได้รับตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม และนายอนุชา นาคาศัย ได้รับตำแหน่ง รมช.คลัง แต่เมื่อได้พูดคุยกันแล้วก็พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น พวกเราทั้ง 30 ชีวิตที่ตั้งใจมาแสดงความยินดีก็เห็นว่าทั้ง 3 คนเป็นผู้เริ่มก่อร่างสร้างพรรคพลังประชารัฐ และทั้งหมดนี้ก็ลุยลงพื้นที่ทั่วประเทศ เป็นกำลังใจสนับสนุนให้คำแนะนำพวกเราจนกระทั่งประสบความสำเร็จได้เป็น ส.ส.ในที่สุด
นายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า พวกเรา ส.ส.พรรคพลังประชารัฐมาร่วมแสดงความยินดีที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีตามโผคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน พวกเราต้องขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่สนับสนุนให้เรามีตำแหน่งทางการเมือง แต่วันนี้ทุกคนรู้สึกผิดหวังกับสิ่งที่พวกเราได้ยินมาว่า จะมีการสลับชื่อในโผคณะรัฐมนตรี แต่พวกเรายังเชื่อว่าจะเป็นเหมือนเดิมจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่หากไม่เป็นเช่นนั้น พวกเราได้หารือร่วมกัน จนกระทั่งมีความเห็นตามจุดยืน 5 ข้อ คือ 1. นายสุริยะ มีความเหมาะสมในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานมากกว่ากระทรวงอุตสาหกรรม เพราะอาจถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน เนื่องจากมีธุรกิจครอบครัวที่เกี่ยวพันกันอยู่ และที่ผ่านมาไม่ปรากฏว่ามีคนอื่นแสดงความต้องการตำแหน่งดังกล่าว อีกทั้งนายสุริยะก็ไม่เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมในตำแหน่งนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม แม้อำนาจการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีจะเป็นของนายกรัฐมนตรี แต่หากพรรคเสนอชื่อบุคคลที่มีความเหมาะสมไปแล้ว ก็สมควรให้เป็นไปตามข้อเสนอดังกล่าว และพวกเราเชื่อมั่นว่า 3 คนที่เป็นตัวแทนกลุ่มสามมิตรจะทำงานร่วมกับนายกรัฐมนตรีและขับเคลื่อนนโยบายให้เกิดรูปธรรมอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว
2. นอกจากงานด้านบริหาร ทั้ง 3 คนยังสามารถช่วยนายกรัฐมนตรี ขับเคลื่อนงานสภา ส.ส.ได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกัน 3. หากมีการเปลี่ยนแปลงหรือสลับตำแหน่งจากเดิม ทางกลุ่มเห็นตรงกันว่ารัฐบาลจะขาดบุคคลที่มีประสบการณ์ในการทำงานในตำแหน่งที่เหมาะสม จะทำให้การบริหารงานไม่มีประสิทธิภาพ และส่งผลในการยอมรับและศรัทธาของประชาชน 4.ขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีและส่งผ่านหัวหน้าพรรคไปยังนายกรัฐมนตรีต่อไป
“ยังมีอีกข้อหนึ่งที่ต้องการเก็บไว้ แต่ขอตัดสินใจแจ้งกับสื่อมวลชนด้วยว่า หลังจากมีการประกาศรายชื่อคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ หากรายชื่อไม่ตรงกับความเห็นที่แถลงข่าวไปแล้ว ทางกลุ่มสามมิตรจะมีการหารือเพื่อแสดงจุดยืนต่อไป และหวังว่าจะได้รับความกรุณาจากนายกรัฐมนตรี” นายอนุชาระบุ
ขณะที่นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า พรุ่งนี้ (2 ก.ค.) จะมีการประชุมของพรรคประจำสัปดาห์ ตนเองจะเสนอญัตติขับไล่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ออกจากตำแหน่ง โดยเห็นว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของพรรคและรัฐบาลเป็นอย่างสูง ถ้าปล่อยให้ท่านเป็นเลขาธิการพรรคต่อไปจะเป็นอันตรายต่อพรรคมาก เพราะนายสนธิรัตน์บริหารงานผิดพลาดหลายเรื่อง และไม่มีภาวะความเป็นผู้นำ เพราะเวลาตนต้องการจะปรึกษาปัญหาก็สามารถเข้าถึงตัวนายสนธิรัตน์ได้ ไม่เคยได้รับการแก้ไขปัญหา เพราะนายสนธิรัตน์ทำงานไม่ยึดโยงและไม่เห็นหัว ส.ส.ในพรรคแม้แต่คนเดียว เพราะหน้าที่ของเลขาธิการพรรคคือแม่บ้านที่จะต้องดูแลทุกอย่าง ทั้งความเป็นอยู่และความสัมพันธ์ แต่นายสนธิรัตน์กลับทำให้พรรคแตกแยก และปัญหาเหล่านี้อยู่ที่ตัวนายสนธิรัตน์ ขณะที่ปัจจุบันพรรคมีปัญหาขั้นวิกฤต แต่นายสนธิรัตน์ก็ยังไม่อยู่ให้พวกเราปรึกษา โดยเห็นว่า นายสนธิรัตน์จะต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการเสียสละลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค และแสดงความรับผิดชอบไม่รับตำแหน่งรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีชุดนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ให้ออกจากเลขาธิการพรรคหรือให้ออกจากพรรคเลย นายสิระกล่าวว่า ออกจากเลขาธิการพรรคก่อน เพราะเป็นความรับผิดชอบ ยังไม่ถึงให้ออกจากสมาชิกพรรค โดยเราจะเร่งอภิปรายกันในที่ประชุมของพรรควันที่ 2 กรกฎาคมนี้ ท่านต้องรับผิดชอบในฐานะแม่บ้าน ท่านต้องเสียสละให้กับพรรคที่จะไม่รับตำแหน่งรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีชุดนี้ ท่านบอกทำงานเพื่อพรรค เพื่อประชาชน เพื่อประเทศ ท่านต้องเสียสละไม่รับตำแหน่งใดๆ ทั้งสิ้น
เมื่อถามว่า หยั่งเสียงแล้วพอจะขับไล่ออกจากเลขาธิการพรรคได้หรือไม่ นายสิระกล่าวว่า เสียงเป็นสิ่งที่สะท้อนรอยร้าวของพรรค ที่อย่างน้อยมี 1 ใน 3 แล้ว และยังมีอีกหลายคนที่ไม่ได้มา ถือว่าท่านต้องรับผิดชอบ เพราะความแตกแยกของคนในพรรครุนแรงขนาดนี้ ท่านต้องพิจารณาตัวเอง ย้ำว่าต้องเสียสละแล้วไม่รับตำแหน่งใดๆ ในคณะรัฐมนตรีชุดนี้
เมื่อถามว่า จุดแตกหักคืออะไร นายสิระกล่าวว่า เดี๋ยวต้องทบทวนกันอีกที และเมื่อถามว่าเหตุใดจึงเรียกร้องให้นายสนธิรัตน์รับผิดชอบเพียงผู้เดียว นายสิระกล่าวว่า ขณะนี้ยังเป็นแค่นายสนธิรัตน์ แต่หากในการประชุมมีการอภิปราย ก็อาจจะเลยเถิดไปถึงท่านอื่นด้วย