“ส.อ.ท.” เตรียมหารือ “สมคิด” พรุ่งนี้ (19 ก.ค.) เร่งฟื้นเวที “กรอ.” หารือรับมือ ศก.โลกที่เอกชนวิตกสงครามการค้าเริ่มขยายวงไปยังประเทศอื่นๆ เพิ่มขึ้น พร้อมรายงาน กกร.เตรียมทำสมุดปกขาวยื่นนายกฯ โดยมีประเด็นค่าแรงที่เห็นว่าการปรับขึ้นควรยึดคณะกรรมการไตรภาคีโดยขึ้น 2-10 บาท/วันยอมรับได้ แนะรัฐจ่ายประกันสังคมแทนลูกจ้างเพิ่มแรงซื้อ
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า วันพรุ่งนี้ (19 ก.ค.) ทีม ส.อ.ท.จะหารือกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยต้องการให้มีการประชุมในคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) และการยกระดับความยากง่ายในการทำธุรกิจในประเทศหรือ Ease of Doing Business ด้วยการยกเลิกกฎหมายที่ล้าสมัย เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อรับมือกับสงครามการค้าที่เริ่มขยายวงไปยังประเทศอื่นๆ มากขึ้น
นอกจากนี้จะรายงานให้ทราบถึงการจัดทำสมุดปกขาว (ไวต์เปเปอร์) ของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่กำลังจัดทำเพื่อเตรียมนำเสนอต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หลังจากที่รัฐบาลแถลงนโยบายต่อสภาฯ ในการประกอบการดำเนินงาน ซึ่งประเด็นค่าแรงก็จะเป็นหนึ่งในนโยบายที่ กกร.จะนำเสนอด้วย ซึ่งกรณีการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวันทันทีจะกระทบต่อผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) ถึงขั้นเลิกกิจการได้ แต่หากรัฐต้องการเพิ่มรายได้ให้กับแรงงานจึงอยากเสนอให้รัฐจ่ายเงินส่งสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมแทนลูกจ้าง 5% ของเงินเดือนเป็นการชั่วคราว 6-12 เดือน
“ขณะนี้นายจ้างจะต้องจ่ายสมทบประกันสังคม 5% ลูกจ้าง 5% และรัฐจ่ายสมทบ 2.75% ของเงินเดือน ดังนั้นก็ให้รัฐจ่ายแทนลูกจ้างรวมเป็น 7.75%” นายสุพันธุ์กล่าว
นอกจากนี้ ส.อ.ท.ได้นัดหมายกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งตอบรับการนัดหมายเป็นปลายเดือน ส.ค. ซึ่งเห็นว่าช้าไปจึงขอนัดหมายให้เร็วขึ้นเนื่องจากขณะนี้ค่าเงินบาทยังคงมีทิศทางแข็งค่ามากสุดระดับภูมิภาคส่งผลต่อขีดความสามารถการแข่งขันส่งออก ดังนั้นจึงต้องการให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) พิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงจากปัจจุบันอยู่ที่ 1.75% เพื่อชะลอเงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศ ขณะเดียวกันยังช่วยลดต้นทุนของผู้ประกอบการด้วยโดยเฉพาะเอสเอ็มอี
นายสุชาติ จันทรนาคาร รองประธาน ส.อ.ท. และประธานคณะกรรมการสายแรงงาน กล่าวว่า การพิจารณาค่าจ้างขั้นต่ำควรเป็นไปตามการพิจารณาของคณะกรรมการไตรภาคี และเห็นว่าควรจะยกระดับเป็นคณะกรรมการพหุภาคีที่มีตัวแทนจาก กกร.เป็นคณะกรรมการด้วย อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ที่การพิจารณาค่าจ้างขั้นต่ำปี 2562 ที่คณะกรรมการค่าจ้างจังหวัดเสนอมาให้มีการปรับขึ้นเฉลี่ย 2-10 บาทต่อวันนั้น หากนำตัวเลขดังกล่าวมาพิจารณาทาง ส.อ.ท.ก็เห็นด้วยเพราะผ่านการกลั่นกรองร่วมกันแล้ว
“ค่าแรงเราในภูมิภาคสูงสุด เว้นสิงคโปร์เท่านั้น การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำผู้ที่ได้ประโยชน์โดยตรงคือแรงงานต่างด้าวที่มี 3 ล้านคน ทำให้ค่าแรงที่ขึ้นไม่ได้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ การพิจารณาจึงควรให้สัมพันธ์กับการเพิ่มผลิตภาพสอดรับกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ การพัฒนาฝีมือแรงาน การเพิ่มกำลังคนทดแทนรองรับแรงงานสูงอายุ เป็นต้น” นายสุชาติกล่าว
นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย. 62 อยู่ที่ระดับ 94.5 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนอยู่ที่ระดับ 95.9 ซึ่งเอกชนยังมีความกังวลสงครามการค้าที่กระทบต่อเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และปัจจัยดังกล่าวยังคงวิตกมากขึ้นเพราะสงครามการค้าเริ่มขยายวงโดยสหรัฐฯ เริ่มหันมาดูการค้ากับอินเดีย เวียดนาม ขณะที่เกาหลีใต้กับญี่ปุ่นก็เริ่มมาดูการค้าระหว่างกัน ซึ่งทั้งหมดกลายเป็นประเด็นทางการเมืองโลกที่นำระบบการค้ามาต่อรองจึงเป็นเรื่องที่เอกชนกังวลมากสุดขณะนี้