หน้าแรก เว็บบอร์ด


สั่งพิมพ์

ข้าวโพดถุงสุดท้าย

ข้าวโพดถุงสุดท้าย

ชาย" เล่าประสบการณ์จากเรือนแพริมแม่น้ำชี



ผมเป็นข้าราชการอยู่ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ถ้ามีโอกาสว่างตอนสุดสัปดาห์มักจะพาภรรยาและลูกสาววัย 5 ขวบไปพักผ่อนและเปิดหูเปิดตาตามจังหวัดใกล้เคียงเช่นร้อยเอ็ดหรือมหาสารคาม เป็นต้น


จังหวัดหลังนี้ผมกับครอบครัวมักจะชวนกันไปบ่อยๆ เพราะความเงียบสงบ ผู้คนล้วนน่ารัก มีอัธยาศัย เฉกเช่นคนในชนบทสมัยก่อนทั่วๆ ไป ที่ยังไม่ถูกความเจริญแผ่ขยายมาแบบจังหวัดใหญ่ๆ ส่วนมาก ที่ทำให้นิสัยใจคอค่อนข้างแข็งกระด้าง คิดถึงแต่ประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าส่วนรวม แสวงหาความสุขใส่ตัวโดยไม่มีสติยั้งคิด...


เสน่ห์ของจังหวัดมหาสารคามสำหรับผมและครอบครัวอีกอย่าง ก็คือเรือนแพของร้านอาหารที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำชี!


ร้านค้านั้นอยู่บนฝั่ง แต่มีบันไดทอดลงสู่เรือนแพราวสิบหลังที่เรียงรายกันเป็นตับเรือนแพแต่ละหลังก็คือโต๊ะอาหารหนึ่งโต๊ะ หรือจะเรียกว่าเป็นห้องส่วนตัวก็ได้...ของใครของมัน โดยไม่มีการปะปนกัน เพราะเป็นเรือนแพหลังกะทัดรัด ไม่มีโต๊ะเก้าอี้หรอกครับ แต่ปูเสื่อให้นั่งล้อมวงกันดื่มกินตั้งแต่มื้อกลางวันไปจนถึงมื้อค่ำ


บางหลังมีแขกเกือบสิบคน แต่บางหลังก็มีเพียงหนุ่มสาวคู่เดียวนั่งดื่มกินและออดพลอดกันไปด้วยอย่างน่าอิจฉาที่สุด


เรือนแพแต่ละหลังมีทางเดินผ่านไปถึงสุขาหลังสุดท้าย แม้ว่าจะเรียงรายติดๆ กัน ก็ไม่ถึงกับประเจิดประเจ้อ เพราะมีหลังคามุงแฝกคลุมลงมาเกือบถึงราวไม้ที่กั้นไว้เกือบรอบด้าน ยกเว้นทางเข้าออกที่มีบริกรหนุ่มๆ มาเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มตามคำสั่งลูกค้า


ในเมื่อร้านอาหารอยู่บนฝั่งสูง จะสั่งของกันอย่างไร?


เรือนแพทุกหลังจะมีท่อนไม้แขวนอยู่ตรงมุมทางเข้า ใครต้องการเรียกบริกรมาสั่งอะไรเพิ่มเติมก็ใช้ไม้นั่นเคาะเสาเป็นสัญญาณเรียก...เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นที่เรือนแพแห่งนี้เอง!


บางครั้งเราก็ได้เรือนแพหลังเกือบท้ายสุด...ถัดไปคือวงไพ่ป๊อกเด้งที่มีขาไพ่ทั้งชายและหญิงเกือบสิบคน ถึงแม้จะมองผ่านใต้ชายคาเห็นเพียงท่อนล่างของคนที่ล้อมวงกันอยู่ แต่ก็ได้ยินเสียงหัวเราะเฮฮาตลอด...


ไม่ใช่เรื่องซีเรียสอะไรหรอกครับ เพราะเท่าที่ได้ยินการพูดคุยยั่วเย้ากันนั่นน่ะก็พอจะรู้ว่าเป็นวงไพ่แบบเพื่อนฝูงเท่านั้นแหละ


วันนั้นน้าไพทูรย์กับน้าเพ็ญ-ญาติสนิทของผมที่เป็นอาจารย์อยู่มหาสารคามมาเกือบสิบปีแล้ว...ถือว่าเป็นเจ้าถิ่นก็แล้วกัน นำเที่ยวจนเกือบบ่ายสองโมง จึงได้พาเราสามคนพ่อแม่ลูกลงไปที่เรือนแพหลังสุดท้ายพอดี...มีเหตุผลว่าตอนเที่ยงๆ มักจะเต็มทุกหลัง ต้องนั่งชมวิวลำน้ำชีอยู่ที่ร้านอาหารบนฝั่ง ไม่ได้บรรยากาศเหมือนบนแพที่ลอยอยู่ในน้ำอย่างแน่นอน


เบียร์สำหรับเจ้าภาพกับผม เป๊ปซี่สำหรับผู้หญิงและเด็ก อาหารก็คือกุ้งเผา กับพวกพล่า ยำและปลาเนื้ออ่อนทอดกับต้มยำรสเด็ด


เราพักผ่อนหย่อนอารมณ์ด้วยการดื่มกินตามสบาย พูดคุยกันสนุกสนานโดยไม่ต้องกลัวว่าจะรบกวนใคร ส่วนมากก็มักจะชี้ชวนให้กันดูสายน้ำชีไหลเอื่อย...มีจอกกับผักตบชวาสวยๆ ลอยผ่านไป บางทีก็มีเสียงปลาฮุบโผงขึ้นมา


ถ้าจะนั่งให้สบายที่สุดบนแพก็คือนั่งเหยียดขาครับ ผมกับภรรยานั่งด้านในจึงเหยียดแข้งขาได้เต็มที่ ตอนแรกก็ระวังกิริยาตามสมควร แต่นั่งขัดสมาธิหรือพับเพียงนานๆ ก็ย่อมเมื่อยขบเป็นธรรมดา


ยายหน่อย-ลูกสาวผมเห็นน้าไพทูรย์ใช้ไม้ไผ่เคาะเสาดังป๊อกๆ ไม่ช้าก็มีบริกรหนุ่มมารับคำสั่งว่าต้องการเบียร์ เป๊ปซี่และน้ำแข็งเพิ่มเติม...ยายหน่อยก็อยากลองเคาะดูบ้างตามประสาเด็ก แต่ภรรยาผมห้ามไว้ บอกว่าเดี๋ยวพนักงานลงมาจะสั่งอะไร?


จนกระทั่งญาติผมขอตัวไปห้องน้ำทั้งคู่ ยายหน่อยได้โอกาสก็ปราดเข้าไปเคาะไม้ทันที กว่าแม่แกจะอุ้มกลับมาได้ก็สายไปแล้ว...แต่คนที่โผล่เข้ามากลับเป็นเด็กหญิงวัยสิบกว่าขวบ ผอมและดำ ถือตะกร้าใส่ข้าวโพดต้มเข้ามาขาย บอกว่าถุงสุดท้ายแล้ว ถุงละ 20 บาท


ดูๆ ก็น่าสงสาร ภรรยาผมเลยซื้อข้าวโพดข้าวเหนียวถุงสุดท้าย เด็กหญิงนั่นก็ยกมือไหว้ นัยน์ตาซาบซึ้ง ก่อนจะเลี้ยวกลับไปทางบันได...ไม่ช้าน้าไพทูรย์กับน้าเพ็ญก็กลับมา พอรู้เรื่องหน้าซีดขาว มองสบตากันก่อนจะครางว่า...เอาอีกแล้วหรือนี่?


เด็กคนนั้นเคยลงมาขายข้าวโพดต้มเป็นประจำ แต่เมื่อปีกลายบันไดลื่นเลยพลาดตกลงมาคอหักตายคาที่ หลังจากนั้นก็มีคนเห็นแกหิ้วตะกร้ามาขายที่แพบ่อยๆ เราไม่อยากจะเชื่อก็ต้องเชื่อ...เพราะข้าวโพดต้มที่ซื้อมาวางบนเสื่อหยกๆ ไม่รู้หายไปไหนแล้วครับ!
นามปากกา    ลูกพีช

TOP

ขอบคุณหลายๆๆค่ะ

สงสารเด็กจังเลย
ไฟลล์แนบ: ระดับของกลุ่มสมาชิกนี้ไม่สามารถมองเห็นไฟลล์แนบได้
--แค่คำขอบคุณสักนิด จะลำบากไปไหมคะ--

TOP

ขอบคุณมากครับ

TOP